Support
Gus..
089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest

Post : 2015-02-07 23:04:20.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  เบื้องหลังดาว

 

  

             ดาวน์โหลด imagesCADQ4N11.jpg (10.6 กิโลไบต์)

 

 

 

 

                  สงสารลูก..

 

 

" เฮ้ยยยย!!!..ไอ้เลื่อน มึงเห็นมั๊ยนั่น? นังหญิงลูกมึงมันได้ออกทีวีเเล้วเว้ยยย..."

เสียงตะโกนของลุงตี๋เจ้าของร้านโชว์ห่วยประจำบ้านบง ต.บ้านคู อ.นาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ตะโกนออกมาจากในร้านของเเกด้วยอารามดีอกดีใจ ที่เห็นคนในหมู่บ้านตัวเองได้ออกทีวีไปทั้งประเทศ กวักมือเรียกตาเลื่อน ที่กำลังเดินขากะเผลกๆหาเก็บของเก่าเอาไปขายเพื่อหาเเลกเงินยาไส้ไปวันๆ

" ไหนวะไอ้ตี๋?..."
" ตาบอดหรือไงไอ้เลื่อน?..นั่นไง ดูมันเต้นๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ มันส์โว้ยยย!!!...."

ลุงตี๋เต้นตามทีวีอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เหมือนกับว่าโลกทั้งใบในขณะนี้มีเเต่เพียงเเม่สาวน้อยในทีวี ที่กำลังออกลีลาโยกซ้ายโยกขวาพร้อมทั้งทีมงานเเด๊นซ์เซอร์อย่างเมามัน

ลุงทองเลื่อน ศรีจุมพล ก็ได้เเต่ยิ้มเเล้วก็เดินผละออกมาจากหน้าร้านโชว์ห่วยของลุงตี๋อย่างเงียบๆ เเล้วก็ก้าวเดินกะเผลกๆหาเก็บของเก่าเอามาขายต่อไป ภาพความหลังสมัยเป็นเด็กของเเกที่ตกต้นไม้จนขาพิการอย่างนี้ มันเป็นภาพที่ผุดขึ้นมาเคียงคู่อยู่กับความยากจนมาตั้งเเต่เกิด ขาพิการอย่างนี้ก็ทำอะไรกับเขาไม่ได้เต็มที่อะไรนัก ถึงเเม้ว่าเเกจะยากจนข้นเเค้นสักปานใด เเต่ว่าในชีวิตของเเก ก็ไม่เคยเอ่ยปากขอใครกินเลยเเม้เเต่เพียงครั้งเดียว....

จนกระทั่งมีครอบครัว ได้เเม่บุญล้อมมาเป็นคู่ชีวิต มีลูกมีเต้ากัน 3 คน ก็อยู่กันตามประสาคนบ้านนอกคอกนา บ้านก็โกโรโกโส เอาสังกะสีเก่าๆที่เขาทิ้งเเล้วมาทำเป็นฝาบ้าน เวลาหน้าร้อนนอนกันไม่ได้เลยทีเดียว ด้วยความที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ก็ต้องออกไปทำมาหากินจนตัวเป็นเกลียว เพื่อจะให้ลูกๆได้เรียนหนังสือเหมือนกับลูกคนอื่นเขามั้่ง ไปเป็นช่างก่อสร้างขนทรายขนปูนพอเเต่ได้เงินเข้ามาบ้านมั่ง ส่วนเเม่ล้อมก็หัดทอผ้าไหมได้ตังค์มั่งไม่ได้ตังค์มั่ง ถึงเเม้จะขัดสน ก็ยังอยู่อย่างมีความสุขไม่เเพ้ครอบครัวอื่นเขาเหมือนกัน

ภาพที่ลูกสาวคนที่สองตัวเล็กๆที่ชื่อหญิง เกาะหลังพ่อไม่่ยอมไปเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนสิริสามัคคี ที่ อ.นาโพธิ จ.บุรีรัมย์ ผุดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากของลุงเลื่อนผู้เป็นพ่ออย่างมีความสุข นังหนูให้ตายยังไงก็จะไม่ยอมอยู่โรงเรียนเด็ดขาด ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพ่อต้องสงสารพากลับบ้านทุกวัน จนครูต้องบอกว่าถ้าพร้อมเมื่อไรก็ค่อยมาเรียนก็เเล้วกัน

เจ้าลูกคนนี้มันเเปลก ชอบร้องรำทำเพลงมาตั้งเเต่เด็กๆ ปีนั้นวัดที่บ้านมีผ้าป่ามาจากกรุงเทพฯ นังหนูก็ขึ้นไปร้องเพลงโบว์รักสีดำ ของเเม่นางศิริพร ได้เงินรางวัลมาเกือบร้อยบาท นังหนูดีอกดีใจยกใหญ่บอกว่าโตขึ้นจะเป็นนักร้องให้ได้ จนกระทั่งจบ ม.6 จากนาโพธิ์พิทยาคม ก็ยังจะไปเป็นนักร้องอีก ถึงขนาดไปสมัครร้องเพลงกับวงที่โคราช นั่งรถมาไม่รู้กี่ต่อกว่าจะมาถึง ไปตัวคนเดียวนั่นเเหละใจกล้าเสียเหลือเกิน จนปีกกล้าขาเเข็ง มีคนมาชวนบันทึกเเผ่นเสียง เเต่ก็ต้องลงเงินลงทองด้วย ซึ่งผู้เป็นพ่อต้องจำนองที่นาที่มีอยู่ 7 ไร่ เอามาทำเทปให้กับนังหนูมัน เเล้วก็เจ๊งไม่เป็นท่า หนี้สินอิรุงตุงนัง เเต่นังหนูก็สู้เหลือเกิน ไปเย็บผ้าโหลเเละก็ไปเรียนเสริมสวยเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ให้พ่อ เเล้วเเฟนนังหนูก็มาบอกเลิกอีก ซึ้งใจมันจริงๆไอ้ผู้ชายคนนี้

สงสารลูกจับใจ นังหนูมันเเบกความเจ็บช้ำเข้าไปเปิดร้านเสริมสวยที่กรุงเทพฯ ก็ถูกเขาโกงอีก รถกระบะเก่าๆที่มีอยู่คันเดียวก็มาถูกยึดไปไม่เหลือหรอ...ลำบากอย่างเเสนสาหัส นังหนูก็ไม่เคยบ่นให้ทางบ้านฟังเลยเเม้เเต่คำเดียว มิหนำซ้ำ ยังเก็บเงินส่งมาให้ทางบ้านซื้อปุ๋ยใส่นาข้าวอีก กลับมาบ้านเเต่ละครั้งซื้อของมาฝากกันครบทุกคน โดยที่ไม่เคยบ่นอะไรเรื่องงานให้ฟังเลยเเม้เเต่ครั้งเดียว จะมารู้ก็ต่อเมื่อมีเรื่องมีราวขึ้นโรงขึ้นศาลเกี่ยวกับเรื่องเพลงที่ขาดทุนย่อยยับในครั้งนั้น เเล้วก็ไปร้องเพลงอยู่เเถวๆนวนคร กับ อ.สวัสดิ สารคาม โดยใช้ชื่อนักร้องว่า หญิงลี ศรีจุมพล จนกระทั่งมาเห็นออกทีวีในวันนี้ ถึงรู้นังหนูมันก็อยู่ดีมีสุขเเล้ว

" นังหนูเอ้ยยย คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองเถอะ...เอ็งเหนื่อยมามากเเล้ว........"

ลุงเลื่อนบ่นพึมพัมเบาๆพร้อมกับปาดหยาดน้ำใสๆที่กำลังจะไหลออกจากตา เดินขากะเผลกๆเพื่อหาเก็บของเก่าเอามาขายต่อไป ด้วยหัวใจที่เวทนาสงสารลูกสาวคนนี้อย่างจับใจเหลือเกิน.......

 

 

     ...........................................................

 

 

 

นางอาย...

 

 

 

ดาวน์โหลด images.jpg (4.0 กิโลไบต์)

 

 

 
 
" มึงไม่เห็นลูกค้าเขามาซื้อไอติมหรือไงวะอีละออ?!! มัวเเต่นั่งอายเอาหนังสือการ์ตูนปิดหน้าอยู่ได้..."

พี่ชายคนโตได้ตะโกนด่าน้องสาวอย่างอารมณ์เสีย หลังจากที่เห็นน้องสาวนั่งก้มหน้าก้มตาเอาหนังสือการ์ตูนปิดหน้าอยู่ตลอดเวลาเพราะความอาย เเต่ไหนเเต่ไรมาเเล้ว น้องคนนี้ขี้อายเหลือกำลัง ยิ่งถ้าคนเยอะๆด้วยเเล้วก็จะสั่นเป็นเจ้าเข้าไปเลย ขนาดไปซื้อของเเม่หนูก็ยังไม่กล้าทวงตังค์ทอนกับเขาเลย ยืนก้มหน้าเป็นนางอายอยู่นัน จนเเม่ค้านึกขึ้นได้ว่าลืมทอนตังค์ นั่นเเหละถึงจะได้กลับบ้าน

เเม่หนูน้อยขี้อายคนนี้มีนามว่า ละออ ปานกรด เป็นชาว อ.ลาดยาว จ. นครสวรรค์ แต่ต่อมาตอนอายุ 4 ขวบ ครอบครัวย้ายมาอยู่ อ. เมือง ชื่อละออ พ่อเป็นคนตั้งให้ โดยเอามาจากชื่อนางในนิยายเรื่องหนึ่ง

แต่เดิมครอบครัวมีอาชีพทำไร่ไถนา แต่เมื่อย้ายมาอยู่ในเมืองก็หันมาประกอบอาชีพขายของ เช่นกระเพาะปลา เฉาก๊วยขูด และไอติม เธอมีพี่น้อง 9 คน เป็นคนที่แปด โดยยังมีน้องสาว 1 คน

สมัยหนุ่มๆ พ่อเป็นลิเกเก่า ส่วนแม่ก็ชอบดูลิเก และหัดลิเกบ้างเล็กน้อย สาเหตุเพราะขี้อาย เมื่อลูกโต พ่อก็หัดลิเกให้พี่ชาย พี่ชายคนโตของเธอร้องลูกทุ่งดีมาก แต่ไม่ได้เข้าวงการ ลูกคนที่ 3 และคนที่ 5 ก็ร้องเพลง แต่ร้องแนวสตริง คนที่ 6 ร้องลูกทุ่ง ส่วนน้องสาวคนเล็กก็เป็นนักร้อง เรียกว่าเป็นนักร้องกันเกือบทั้งครอบครัว

ตัวเธอเองก็ชอบร้องเพลง แต่ก็ร้องตามคนอื่นไปเรื่อยไม่มีแนว และก็ไม่ได้จริงจังอะไร เนื่องจากขี้อายมาก ไม่กล้าไปร้องเพลงหน้าชั้นเรียน หลังจากขายไอติมได้ 2 ปีพ่อก็ตาย ตอนนั้นเธออายุได้ 14 ปี ตอนพ่ออยู่ พ่อหวงลูกสาวมาก จึงไม่ให้ลูกเป็นนักร้อง โดยให้แต่ลูกชายเป็น พอพ่อตาย แม่ก็เลยให้เธอไปร้องเพลงที่ร้านอาหารของเพื่อนพี่ชายคนโต โดยไปยืมชุดเชียร์ลีดเดอร์จากเพื่อนมาใส่ร้องไปก่อน

เเต่อยู่ได้ไม่นานผู้จัดการก็เชิญออก เพราะเป็นนักร้องหญิงคนเดียวที่ไม่ยอมนุ่งสั้นเเละปฎิเสธการจะลงไปนั่งดริ๊งกับเเขก เธอจะขอร้องเพลงขายเสียงอย่างเดียว จนกระทั่งเธอได้มาร้องเพลงอยู่ที่สวนอาหาร วังน้ำค้างที่พิษณุโลก ณ.ที่เเห่งนี้นี่เองที่เธอได้พบกับ ชัย สิทธิประเสริฐ

" เทห์ นายทดลองฟังดูซิ...คนที่ร้อง หัวใจทศกัณฑ์ ของพุ่มพวงน่ะ เสียงเป็นไง?..."
" คนที่กำลังร้องเหรอพี่?...."
"เออออออ....."

นักปั้นนักร้องมือทองระดับประเทศนามว่า ชัย ศิษย์ประเสริฐ ได้สะกิดให้เทห์ อุเทนพรหมมินทร์ ได้ฟังเสียงของเเม่หนูละออ ที่กำลังขับขานบทเพลงด้วยน้ำเสียงอันไพเราะที่กำลังสะกดผู้ฟังให้เคลิบเคลิ้มดั่งถูกมนต์สะกดเงียบกริบกันไปทั้งร้าน

" สุดยอดเลยพี่ชัย ปั้นเลยพี่ เอามาปั้นเลย!!..."
"อืมมม ข้าก็ว่าอย่างงั้นเเหละ เสียงอย่างงี้หายาก..."

" ถ้าพี่จะปั้น จะให้เธอใช้ชื่ออะไร??..." หนุ่มเท่ห์ ถามในขณะที่ฟังเเม่หนูน้อยร้องเพลงอยู่บนเวทีอย่างใจจดใจจ่อ
" เท่ห์..."
" ครับพี่..."

" เเคทลียา อิงลิช เเฟนเอ็งน่ะ เเม่เขาชื่ออะไร? "
" มารศรี ครับพี่...."

" อือมมม เอาล่ะ...ข้าจะตั้งชื่อนังคนนี้ว่า เเคทลียา มารศรี ล่ะ...เอ็งว่าไง?..."
" เฮ้ยยยยย พี่ชัย บ้าหรือเปล่า ไม่เอานะ!!!...."
ชายหนุ่มร้องเสียงหลงอ้าปากค้าง จนโต๊ะข้างๆหันมามองเป็นตาเดียวกัน..............


 

 

 

 

guest

Post : 2015-02-07 22:28:15.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  เจ้าวายร้ายโรค Office Syndrom

 

"ออฟฟิศ ซินโดรม" ปวดคอ ไหล่ หลัง อันเนื่องจากการทำงาน

 

 

 

 

 

 

อาการปวดคอ ไหล่ หลัง อันเนื่องมาจากการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะคนที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ และกลุ่มคนไอทีทั้งหลาย ที่ต้องทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์หรือชอบเเชทมือถือกันทั้งวัน ทำให้เกิดความทุกข์ทรมานในการใช้ชีวิตประจำวัน บางท่าทางจะทำให้เกิดการโค้งงอผิดรูปของกระดูกได้ และบางท่าทางทำให้เกิดอาการตึง ยึด จนเกิดอาการปวดในที่สุด แบบนี้เรียกว่า "ออฟฟิศ ซินโดรม" (Office Syndrome)

 


 

อาการปวดโดยทั่วไปที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากสาเหตุหลัก 3 ประการ คือ กระดูกและข้อ เส้นประสาท และกล้ามเนื้อ ซึ่งทำงานประสานกันอยู่ โดยอาการปวดที่เกิดจากกระดูกและข้อ อาทิ ขยับแล้วมีเสียง กรอบแกรบ ขยับแล้วเจ็บเสียวแปลบๆ คอยื่นไปข้างหน้า หลังค่อม หลังทรุด กระดูกสันหลังคด กระดูกสันหลังแอ่นงอ อาการปวดที่เกิดจากเส้นประสาท อาทิ กล้ามเนื้อไม่ค่อยมีแรง ชา กล้ามเนื้อกระตุก


อาการปวดที่เกิดจากกล้ามเนื้อ อาทิ ปวดเมื่อย อ่อนล้า เพลีย ตึง ยึด ปวดขึ้นไปที่ขมับ กล้ามเนื้ออักเสบ พังผืดสั่งสมบริเวณกล้ามเนื้อ รวมไปถึงอาการปวดกล้ามเนื้อต้นคอ ร้าวขึ้นไปบริเวณขมับ ปวดไปที่กระบอกตา ซึ่งเข้าใจผิดว่าเป็นไมเกรน


 

 

 

แนวทางการรักษา แบ่งออกเป็น

1.การรักษาที่สาเหตุของโรค คือ การผ่าตัด และการไม่ผ่าตัด

2. การรักษาเพื่อบรรเทาอาการ อาทิ การกินยา ฉีดยา ซึ่งคนไทยหลายคนคิดว่าเมื่อไม่มีอาการแล้ว แปลว่า "หาย” ในความเป็นจริงแล้ว การไม่มีอาการนั้น อาจจะไม่ได้หายจากอาการปวดอย่างถาวร

การที่จะทำให้ "หาย” จากอาการปวดอย่างถาวรนั้น คือ การรักษาที่สาเหตุของปัญหา ให้สภาพของกระดูกและข้อ กล้ามเนื้อ และเส้นประสาท คืนสู่สภาวะปกติ และดีกว่าปกติ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้กลับมาเกิดอาการปวดอีก วิธีการรักษาดังกล่าวเรียกว่า Active Therapy เป็นการรักษาในเชิงป้องกันที่สาเหตุ ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุด


เทคนิคการยืดเส้นยืดสายระหว่างทำงาน

 

 

 

 

1.การบริหารกล้ามเนื้อคอ เริ่มจากนำมือข้างซ้ายอ้อมไปจับศีรษะด้านขวา ดึงมาทางด้านซ้ายจนรู้สึกตึง นับ 1-10สลับใช้มือข้างขวา นับ 1-10เช่นเดียวกัน จากนั้นประสานมือบริเวณท้ายทอย ดันไปด้านหน้าจนรู้สึกตึง นับ 1-10

2.การบริหารกล้ามเนื้อหัวไหล่ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องของการปวดไหล่เป็นประจำ โดยยกไหล่ขึ้นไปจนสุด แล้วเกร็งค้างไว้ นับ 1-10การกดไหล่ลงไปให้สุด แล้วเกร็งค้างไว้ นับ 1-10

3.การบริหารกล้ามเนื้อด้านหน้าอก และแก้ปัญหาไหล่ห่อ ให้ลุกขึ้นยืน จากนั้นนำมือประสานกันด้านหลัง ค่อยๆ ยกขึ้นมาจนถึงระดับที่เรารู้สึกว่าตึง นับ 1-10การยืดด้านหลัง โดยการกอดตัวเองให้แน่นที่สุด ให้มือไขว้กันเยอะที่สุด โดยเอามือโอบด้านหลังของตัวเองให้มากที่สุด นับ 1-10

4.การบริหารบริเวณช่วงสะโพก บางคนมีปัญหาปวดบริเวณสะโพก ชาลงเท้า ชาลงขา จะสามารถบริหารท่านี้ได้ดี ท่าบริหารนี้จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อบริเวณสะโพก ซึ่งมักจะไปกดทับเส้นประสาททำให้รู้สึกมีปัญหาได้ ทำโดยยกเท้าซ้ายขึ้นมาวางทับเหนือเข่าขวา จากนั้นเอนตัวมาด้านหน้า จะรู้สึกบริเวณต้นขาด้านซ้าย นับ 1-10จากนั้นสลับเท้าด้านขวา

5.การบริหารกล้ามเนื้อด้านข้าง ยืดมือขึ้นบนสุดประกบกัน จากนั้นเอนตัวทางด้านซ้าย นับ 1 -10จากนั้นเอนตัวมาด้านขวา นับ 1-10ท่าบริหารดังกล่าวควรทำบ่อยๆ ประมาณ 1-2ชั่วโมงต่อครั้ง เพื่อเป็นการยืดกล้ามเนื้อมัดหลักๆ ในร่างกาย สละเวลา 3-5นาที เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง


เคล็ดลับการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม

 

1.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ (Be Fit)

2.ระวังเรื่องของท่าทาง บุคลิกของตัวเอง อย่าไหล่ห่อ อย่านั่งค่อม

3.ในเรื่องของการยกของจากพื้นควรระวัง ใช้ท่าทางที่เหมาะสม เพื่อเป็นการป้องกันโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อน

4.วางแผนการเคลื่อนไหวบนโต๊ะทำงาน โดยการจัดโต๊ะทำงาน หรือพื้นที่ทำงานให้เหมาะสม ควรจัดวางของที่ต้องใช้ให้ใกล้ตัว ใกล้มือ จะได้ไม่ต้องเอี้ยวตัวอยู่บ่อยครั้ง และไม่ต้องก้มตัวขึ้นลง หันซ้ายหันขวา ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเคล็ดได้

5.เมื่อเกิดอาการปวดเมื่อย อย่าฝืนร่างกาย ให้เดินไปดื่มน้ำ ไปเข้าห้องน้ำ 3-5นาที เป็นการแก้ปัญหาได้แล้ว เป็นการป้องกันปัญหาได้อีกด้วย

6.ระมัดระวังการใส่ส้นสูง ถ้าไม่จำเป็นก็ให้หลีกเลี่ยง แต่ถ้าจำเป็นต้องใส่ ควรใส่ไม่เกิน 2นิ้ว หรือ 4-5เซนติเมตรเท่านั้น

7.การระมัดระวังเรื่องความเครียด เพราะความเครียดทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยได้เช่นกัน

8.ควรยกของให้ถูกต้อง ถูกท่าทาง ท่ายกที่ดี มุมจุดหมุนและน้ำหนักควรอยู่ใกล้กัน พยายามให้หลังตรงตลอด เพราะมิเช่นนั้นช่วงล่างจะเกิดอาการหมอนรองกระดูกเคลื่อนได้

 

guest

Post : 2015-02-07 22:10:34.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  กลอนหวานผ่านใจ

     

 

        ไหนคุณว่าจะมา..

 

 

               

 

 

 

 

 

 

....ห้วงเวลา ผ่านคล้อย ลอยล่วงลับ

 

ล่องไปกับ สายธารา ฟ้าสลัว

 

ไม่เคยหยุด ไหลนิ่ง ทิ้งให้กลัว

 

ระริกรัว ใจที่บาง ทางมืนมน

 

 

 

 

....ฉันจะอยู่ คอยตรงนี้ ที่เธอพร่ำ

 

ระทมร่ำ ช้ำเเค่ไหน ใจไม่สน

 

อยากให้รู้ ว่ายังมี ตรงนี้คน

 

หญิงหนึ่งทน ใจเเหลกยับ กับสัญญา........

 

 

 

 

 

********************

 

 

 

 

 

         ฉันหายเเล้ว..

 

 

 

 

       

 

 

 

 

 

 

 

....ซัดเข้ามา โถมใส่ ยังไหวอยู่

 

ยังพร้อมสู้ ไม่หลบลี้ หนีไปไหน

 

เด่นสง่า ประจัญหน้า ไม่ว่าใคร

 

หนักเเค่ไหน เรื่องจะถอย คอยเลยคุณ

 

 

 

....ใจดวงนี้ ยังคงเเกร่ง เเรงไม่ตก

 

สะท้านทก มืดสลัว จนหัวหมุน

 

สะบัดหน้า คว้าใจเเตก เเหลกเป็นจุล

 

ปัดเปื้อนฝุ่น หัวใจนี้ ดีเหมือนเดิม........

 

 

 

************************

 

 

 

 

 

 

 

         เจ็บเเต่จบ

 

 

 

            

 

 

 

 

 

 

....ปิดฉากลง ตรงนี้ ดีที่สุด

 

ยื้อเเรงยุด ฉุดไม่ไหว ใจที่เสีย

 

ทุ่มเทไป ให้ทุกอย่าง สร้างทางเคลียร์

 

กายอ่อนเพลีย ไม่เท่าไร เเม้นใจยัง

 

 

 

....ฝันจะมี รังรักน้อย คอยพิงพัก

 

เฝ้าฟูมฟัก พ่อเเม่ลูก ผูกความหวัง

 

ละเอียดเเล้ว เเก้วร้าว ร่วงกราวพัง

 

เหลือเพียงยัง ซากหนึ่งชาย ตายทั้งเป็น......

 

 

 

 

 

***********************

 

 

 

 

 

 

 

 

       เดี๋ยวเหอะ...

 

 

 

 

              

 

 

 

 

 

 

 

....มองอะไร? กันพี่ มีไรเหรอ?

 

เดี๋ยวได้เจอ งานเข้า เบ้าตาหงาย

 

รมย์บ่จอย ขอร้องน่า อย่าวุ่นวาย

 

ตบด้วยซ้าย อัลปาคัต ซัดกระเด็น

 

 

 

....เล่นอะไร ให้รู้บ้าง โฉ่งฉ่างเเท้

 

รำคาญเเย่ เเหย่ไปทั่ว มั่วเห็นๆ

 

ไปเลยไป อย่ามา ปั้นหน้าเป็น

 

ทำทะเล้น กัดหน้าเเตก เเหกยับเยิน!!...

 

 

 

************************************

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

    เดี๋ยวเราไปเล่นกัน...

 

 

 

 

 

   

 

 

 

 

 

 

 

....เดี๋ยวก็หาย ลูกจ๋า ไม่ช้านี้

 

ก็คงมี ความหวัง พลังใส

 

เพียงให้หนู ยืนหยัด ซัดด้วยใจ

 

อย่ายอมให้ ความอ่อนเเอ รังเเกเรา

 

 

 

.....เหอะต้องได้ วิ่งเล่นต่อ พ่อรับปาก

 

คงไม่ยาก พ่อจะพา หาเพื่อนเขา

 

เจ็บคราวนี้ เดี๋ยวก็หาย คลายบางเบา

 

ขอเพียงเจ้า อย่ายอมเเพ้ เเม้ทรมาน....

 

 

 

 

 

                           **********************************

 

1