Support
Gus..
089 8129392
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

เบื้องหลังดาว

janthopass_pong@hotmail.com | 07-02-2558 | เปิดดู 174 | ความคิดเห็น 0

 

  

             ดาวน์โหลด imagesCADQ4N11.jpg (10.6 กิโลไบต์)

 

 

 

 

                  สงสารลูก..

 

 

" เฮ้ยยยย!!!..ไอ้เลื่อน มึงเห็นมั๊ยนั่น? นังหญิงลูกมึงมันได้ออกทีวีเเล้วเว้ยยย..."

เสียงตะโกนของลุงตี๋เจ้าของร้านโชว์ห่วยประจำบ้านบง ต.บ้านคู อ.นาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ตะโกนออกมาจากในร้านของเเกด้วยอารามดีอกดีใจ ที่เห็นคนในหมู่บ้านตัวเองได้ออกทีวีไปทั้งประเทศ กวักมือเรียกตาเลื่อน ที่กำลังเดินขากะเผลกๆหาเก็บของเก่าเอาไปขายเพื่อหาเเลกเงินยาไส้ไปวันๆ

" ไหนวะไอ้ตี๋?..."
" ตาบอดหรือไงไอ้เลื่อน?..นั่นไง ดูมันเต้นๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ มันส์โว้ยยย!!!...."

ลุงตี๋เต้นตามทีวีอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เหมือนกับว่าโลกทั้งใบในขณะนี้มีเเต่เพียงเเม่สาวน้อยในทีวี ที่กำลังออกลีลาโยกซ้ายโยกขวาพร้อมทั้งทีมงานเเด๊นซ์เซอร์อย่างเมามัน

ลุงทองเลื่อน ศรีจุมพล ก็ได้เเต่ยิ้มเเล้วก็เดินผละออกมาจากหน้าร้านโชว์ห่วยของลุงตี๋อย่างเงียบๆ เเล้วก็ก้าวเดินกะเผลกๆหาเก็บของเก่าเอามาขายต่อไป ภาพความหลังสมัยเป็นเด็กของเเกที่ตกต้นไม้จนขาพิการอย่างนี้ มันเป็นภาพที่ผุดขึ้นมาเคียงคู่อยู่กับความยากจนมาตั้งเเต่เกิด ขาพิการอย่างนี้ก็ทำอะไรกับเขาไม่ได้เต็มที่อะไรนัก ถึงเเม้ว่าเเกจะยากจนข้นเเค้นสักปานใด เเต่ว่าในชีวิตของเเก ก็ไม่เคยเอ่ยปากขอใครกินเลยเเม้เเต่เพียงครั้งเดียว....

จนกระทั่งมีครอบครัว ได้เเม่บุญล้อมมาเป็นคู่ชีวิต มีลูกมีเต้ากัน 3 คน ก็อยู่กันตามประสาคนบ้านนอกคอกนา บ้านก็โกโรโกโส เอาสังกะสีเก่าๆที่เขาทิ้งเเล้วมาทำเป็นฝาบ้าน เวลาหน้าร้อนนอนกันไม่ได้เลยทีเดียว ด้วยความที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ก็ต้องออกไปทำมาหากินจนตัวเป็นเกลียว เพื่อจะให้ลูกๆได้เรียนหนังสือเหมือนกับลูกคนอื่นเขามั้่ง ไปเป็นช่างก่อสร้างขนทรายขนปูนพอเเต่ได้เงินเข้ามาบ้านมั่ง ส่วนเเม่ล้อมก็หัดทอผ้าไหมได้ตังค์มั่งไม่ได้ตังค์มั่ง ถึงเเม้จะขัดสน ก็ยังอยู่อย่างมีความสุขไม่เเพ้ครอบครัวอื่นเขาเหมือนกัน

ภาพที่ลูกสาวคนที่สองตัวเล็กๆที่ชื่อหญิง เกาะหลังพ่อไม่่ยอมไปเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนสิริสามัคคี ที่ อ.นาโพธิ จ.บุรีรัมย์ ผุดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากของลุงเลื่อนผู้เป็นพ่ออย่างมีความสุข นังหนูให้ตายยังไงก็จะไม่ยอมอยู่โรงเรียนเด็ดขาด ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพ่อต้องสงสารพากลับบ้านทุกวัน จนครูต้องบอกว่าถ้าพร้อมเมื่อไรก็ค่อยมาเรียนก็เเล้วกัน

เจ้าลูกคนนี้มันเเปลก ชอบร้องรำทำเพลงมาตั้งเเต่เด็กๆ ปีนั้นวัดที่บ้านมีผ้าป่ามาจากกรุงเทพฯ นังหนูก็ขึ้นไปร้องเพลงโบว์รักสีดำ ของเเม่นางศิริพร ได้เงินรางวัลมาเกือบร้อยบาท นังหนูดีอกดีใจยกใหญ่บอกว่าโตขึ้นจะเป็นนักร้องให้ได้ จนกระทั่งจบ ม.6 จากนาโพธิ์พิทยาคม ก็ยังจะไปเป็นนักร้องอีก ถึงขนาดไปสมัครร้องเพลงกับวงที่โคราช นั่งรถมาไม่รู้กี่ต่อกว่าจะมาถึง ไปตัวคนเดียวนั่นเเหละใจกล้าเสียเหลือเกิน จนปีกกล้าขาเเข็ง มีคนมาชวนบันทึกเเผ่นเสียง เเต่ก็ต้องลงเงินลงทองด้วย ซึ่งผู้เป็นพ่อต้องจำนองที่นาที่มีอยู่ 7 ไร่ เอามาทำเทปให้กับนังหนูมัน เเล้วก็เจ๊งไม่เป็นท่า หนี้สินอิรุงตุงนัง เเต่นังหนูก็สู้เหลือเกิน ไปเย็บผ้าโหลเเละก็ไปเรียนเสริมสวยเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ให้พ่อ เเล้วเเฟนนังหนูก็มาบอกเลิกอีก ซึ้งใจมันจริงๆไอ้ผู้ชายคนนี้

สงสารลูกจับใจ นังหนูมันเเบกความเจ็บช้ำเข้าไปเปิดร้านเสริมสวยที่กรุงเทพฯ ก็ถูกเขาโกงอีก รถกระบะเก่าๆที่มีอยู่คันเดียวก็มาถูกยึดไปไม่เหลือหรอ...ลำบากอย่างเเสนสาหัส นังหนูก็ไม่เคยบ่นให้ทางบ้านฟังเลยเเม้เเต่คำเดียว มิหนำซ้ำ ยังเก็บเงินส่งมาให้ทางบ้านซื้อปุ๋ยใส่นาข้าวอีก กลับมาบ้านเเต่ละครั้งซื้อของมาฝากกันครบทุกคน โดยที่ไม่เคยบ่นอะไรเรื่องงานให้ฟังเลยเเม้เเต่ครั้งเดียว จะมารู้ก็ต่อเมื่อมีเรื่องมีราวขึ้นโรงขึ้นศาลเกี่ยวกับเรื่องเพลงที่ขาดทุนย่อยยับในครั้งนั้น เเล้วก็ไปร้องเพลงอยู่เเถวๆนวนคร กับ อ.สวัสดิ สารคาม โดยใช้ชื่อนักร้องว่า หญิงลี ศรีจุมพล จนกระทั่งมาเห็นออกทีวีในวันนี้ ถึงรู้นังหนูมันก็อยู่ดีมีสุขเเล้ว

" นังหนูเอ้ยยย คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองเถอะ...เอ็งเหนื่อยมามากเเล้ว........"

ลุงเลื่อนบ่นพึมพัมเบาๆพร้อมกับปาดหยาดน้ำใสๆที่กำลังจะไหลออกจากตา เดินขากะเผลกๆเพื่อหาเก็บของเก่าเอามาขายต่อไป ด้วยหัวใจที่เวทนาสงสารลูกสาวคนนี้อย่างจับใจเหลือเกิน.......

 

 

     ...........................................................

 

 

 

นางอาย...

 

 

 

ดาวน์โหลด images.jpg (4.0 กิโลไบต์)

 

 

 
 
" มึงไม่เห็นลูกค้าเขามาซื้อไอติมหรือไงวะอีละออ?!! มัวเเต่นั่งอายเอาหนังสือการ์ตูนปิดหน้าอยู่ได้..."

พี่ชายคนโตได้ตะโกนด่าน้องสาวอย่างอารมณ์เสีย หลังจากที่เห็นน้องสาวนั่งก้มหน้าก้มตาเอาหนังสือการ์ตูนปิดหน้าอยู่ตลอดเวลาเพราะความอาย เเต่ไหนเเต่ไรมาเเล้ว น้องคนนี้ขี้อายเหลือกำลัง ยิ่งถ้าคนเยอะๆด้วยเเล้วก็จะสั่นเป็นเจ้าเข้าไปเลย ขนาดไปซื้อของเเม่หนูก็ยังไม่กล้าทวงตังค์ทอนกับเขาเลย ยืนก้มหน้าเป็นนางอายอยู่นัน จนเเม่ค้านึกขึ้นได้ว่าลืมทอนตังค์ นั่นเเหละถึงจะได้กลับบ้าน

เเม่หนูน้อยขี้อายคนนี้มีนามว่า ละออ ปานกรด เป็นชาว อ.ลาดยาว จ. นครสวรรค์ แต่ต่อมาตอนอายุ 4 ขวบ ครอบครัวย้ายมาอยู่ อ. เมือง ชื่อละออ พ่อเป็นคนตั้งให้ โดยเอามาจากชื่อนางในนิยายเรื่องหนึ่ง

แต่เดิมครอบครัวมีอาชีพทำไร่ไถนา แต่เมื่อย้ายมาอยู่ในเมืองก็หันมาประกอบอาชีพขายของ เช่นกระเพาะปลา เฉาก๊วยขูด และไอติม เธอมีพี่น้อง 9 คน เป็นคนที่แปด โดยยังมีน้องสาว 1 คน

สมัยหนุ่มๆ พ่อเป็นลิเกเก่า ส่วนแม่ก็ชอบดูลิเก และหัดลิเกบ้างเล็กน้อย สาเหตุเพราะขี้อาย เมื่อลูกโต พ่อก็หัดลิเกให้พี่ชาย พี่ชายคนโตของเธอร้องลูกทุ่งดีมาก แต่ไม่ได้เข้าวงการ ลูกคนที่ 3 และคนที่ 5 ก็ร้องเพลง แต่ร้องแนวสตริง คนที่ 6 ร้องลูกทุ่ง ส่วนน้องสาวคนเล็กก็เป็นนักร้อง เรียกว่าเป็นนักร้องกันเกือบทั้งครอบครัว

ตัวเธอเองก็ชอบร้องเพลง แต่ก็ร้องตามคนอื่นไปเรื่อยไม่มีแนว และก็ไม่ได้จริงจังอะไร เนื่องจากขี้อายมาก ไม่กล้าไปร้องเพลงหน้าชั้นเรียน หลังจากขายไอติมได้ 2 ปีพ่อก็ตาย ตอนนั้นเธออายุได้ 14 ปี ตอนพ่ออยู่ พ่อหวงลูกสาวมาก จึงไม่ให้ลูกเป็นนักร้อง โดยให้แต่ลูกชายเป็น พอพ่อตาย แม่ก็เลยให้เธอไปร้องเพลงที่ร้านอาหารของเพื่อนพี่ชายคนโต โดยไปยืมชุดเชียร์ลีดเดอร์จากเพื่อนมาใส่ร้องไปก่อน

เเต่อยู่ได้ไม่นานผู้จัดการก็เชิญออก เพราะเป็นนักร้องหญิงคนเดียวที่ไม่ยอมนุ่งสั้นเเละปฎิเสธการจะลงไปนั่งดริ๊งกับเเขก เธอจะขอร้องเพลงขายเสียงอย่างเดียว จนกระทั่งเธอได้มาร้องเพลงอยู่ที่สวนอาหาร วังน้ำค้างที่พิษณุโลก ณ.ที่เเห่งนี้นี่เองที่เธอได้พบกับ ชัย สิทธิประเสริฐ

" เทห์ นายทดลองฟังดูซิ...คนที่ร้อง หัวใจทศกัณฑ์ ของพุ่มพวงน่ะ เสียงเป็นไง?..."
" คนที่กำลังร้องเหรอพี่?...."
"เออออออ....."

นักปั้นนักร้องมือทองระดับประเทศนามว่า ชัย ศิษย์ประเสริฐ ได้สะกิดให้เทห์ อุเทนพรหมมินทร์ ได้ฟังเสียงของเเม่หนูละออ ที่กำลังขับขานบทเพลงด้วยน้ำเสียงอันไพเราะที่กำลังสะกดผู้ฟังให้เคลิบเคลิ้มดั่งถูกมนต์สะกดเงียบกริบกันไปทั้งร้าน

" สุดยอดเลยพี่ชัย ปั้นเลยพี่ เอามาปั้นเลย!!..."
"อืมมม ข้าก็ว่าอย่างงั้นเเหละ เสียงอย่างงี้หายาก..."

" ถ้าพี่จะปั้น จะให้เธอใช้ชื่ออะไร??..." หนุ่มเท่ห์ ถามในขณะที่ฟังเเม่หนูน้อยร้องเพลงอยู่บนเวทีอย่างใจจดใจจ่อ
" เท่ห์..."
" ครับพี่..."

" เเคทลียา อิงลิช เเฟนเอ็งน่ะ เเม่เขาชื่ออะไร? "
" มารศรี ครับพี่...."

" อือมมม เอาล่ะ...ข้าจะตั้งชื่อนังคนนี้ว่า เเคทลียา มารศรี ล่ะ...เอ็งว่าไง?..."
" เฮ้ยยยยย พี่ชัย บ้าหรือเปล่า ไม่เอานะ!!!...."
ชายหนุ่มร้องเสียงหลงอ้าปากค้าง จนโต๊ะข้างๆหันมามองเป็นตาเดียวกัน..............


 

 

 

 

ความคิดเห็น

วันที่: Fri Nov 15 23:52:41 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0