สงสารลูก..
" เฮ้ยยยย!!!..ไอ้เลื่อน มึงเห็นมั๊ยนั่น? นังหญิงลูกมึงมันได้ออกทีวีเเล้วเว้ยยย..."
เสียงตะโกนของลุงตี๋เจ้าของร้านโชว์ห่วยประจำบ้านบง ต.บ้านคู อ.นาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ตะโกนออกมาจากในร้านของเเกด้วยอารามดีอกดีใจ ที่เห็นคนในหมู่บ้านตัวเองได้ออกทีวีไปทั้งประเทศ กวักมือเรียกตาเลื่อน ที่กำลังเดินขากะเผลกๆหาเก็บของเก่าเอาไปขายเพื่อหาเเลกเงินยาไส้ไปวันๆ
" ไหนวะไอ้ตี๋?..."
" ตาบอดหรือไงไอ้เลื่อน?..นั่นไง ดูมันเต้นๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ มันส์โว้ยยย!!!...."
ลุงตี๋เต้นตามทีวีอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เหมือนกับว่าโลกทั้งใบในขณะนี้มีเเต่เพียงเเม่สาวน้อยในทีวี ที่กำลังออกลีลาโยกซ้ายโยกขวาพร้อมทั้งทีมงานเเด๊นซ์เซอร์อย่างเมามัน
ลุงทองเลื่อน ศรีจุมพล ก็ได้เเต่ยิ้มเเล้วก็เดินผละออกมาจากหน้าร้านโชว์ห่วยของลุงตี๋อย่างเงียบๆ เเล้วก็ก้าวเดินกะเผลกๆหาเก็บของเก่าเอามาขายต่อไป ภาพความหลังสมัยเป็นเด็กของเเกที่ตกต้นไม้จนขาพิการอย่างนี้ มันเป็นภาพที่ผุดขึ้นมาเคียงคู่อยู่กับความยากจนมาตั้งเเต่เกิด ขาพิการอย่างนี้ก็ทำอะไรกับเขาไม่ได้เต็มที่อะไรนัก ถึงเเม้ว่าเเกจะยากจนข้นเเค้นสักปานใด เเต่ว่าในชีวิตของเเก ก็ไม่เคยเอ่ยปากขอใครกินเลยเเม้เเต่เพียงครั้งเดียว....
จนกระทั่งมีครอบครัว ได้เเม่บุญล้อมมาเป็นคู่ชีวิต มีลูกมีเต้ากัน 3 คน ก็อยู่กันตามประสาคนบ้านนอกคอกนา บ้านก็โกโรโกโส เอาสังกะสีเก่าๆที่เขาทิ้งเเล้วมาทำเป็นฝาบ้าน เวลาหน้าร้อนนอนกันไม่ได้เลยทีเดียว ด้วยความที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ก็ต้องออกไปทำมาหากินจนตัวเป็นเกลียว เพื่อจะให้ลูกๆได้เรียนหนังสือเหมือนกับลูกคนอื่นเขามั้่ง ไปเป็นช่างก่อสร้างขนทรายขนปูนพอเเต่ได้เงินเข้ามาบ้านมั่ง ส่วนเเม่ล้อมก็หัดทอผ้าไหมได้ตังค์มั่งไม่ได้ตังค์มั่ง ถึงเเม้จะขัดสน ก็ยังอยู่อย่างมีความสุขไม่เเพ้ครอบครัวอื่นเขาเหมือนกัน
ภาพที่ลูกสาวคนที่สองตัวเล็กๆที่ชื่อหญิง เกาะหลังพ่อไม่่ยอมไปเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนสิริสามัคคี ที่ อ.นาโพธิ จ.บุรีรัมย์ ผุดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากของลุงเลื่อนผู้เป็นพ่ออย่างมีความสุข นังหนูให้ตายยังไงก็จะไม่ยอมอยู่โรงเรียนเด็ดขาด ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพ่อต้องสงสารพากลับบ้านทุกวัน จนครูต้องบอกว่าถ้าพร้อมเมื่อไรก็ค่อยมาเรียนก็เเล้วกัน
เจ้าลูกคนนี้มันเเปลก ชอบร้องรำทำเพลงมาตั้งเเต่เด็กๆ ปีนั้นวัดที่บ้านมีผ้าป่ามาจากกรุงเทพฯ นังหนูก็ขึ้นไปร้องเพลงโบว์รักสีดำ ของเเม่นางศิริพร ได้เงินรางวัลมาเกือบร้อยบาท นังหนูดีอกดีใจยกใหญ่บอกว่าโตขึ้นจะเป็นนักร้องให้ได้ จนกระทั่งจบ ม.6 จากนาโพธิ์พิทยาคม ก็ยังจะไปเป็นนักร้องอีก ถึงขนาดไปสมัครร้องเพลงกับวงที่โคราช นั่งรถมาไม่รู้กี่ต่อกว่าจะมาถึง ไปตัวคนเดียวนั่นเเหละใจกล้าเสียเหลือเกิน จนปีกกล้าขาเเข็ง มีคนมาชวนบันทึกเเผ่นเสียง เเต่ก็ต้องลงเงินลงทองด้วย ซึ่งผู้เป็นพ่อต้องจำนองที่นาที่มีอยู่ 7 ไร่ เอามาทำเทปให้กับนังหนูมัน เเล้วก็เจ๊งไม่เป็นท่า หนี้สินอิรุงตุงนัง เเต่นังหนูก็สู้เหลือเกิน ไปเย็บผ้าโหลเเละก็ไปเรียนเสริมสวยเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ให้พ่อ เเล้วเเฟนนังหนูก็มาบอกเลิกอีก ซึ้งใจมันจริงๆไอ้ผู้ชายคนนี้
สงสารลูกจับใจ นังหนูมันเเบกความเจ็บช้ำเข้าไปเปิดร้านเสริมสวยที่กรุงเทพฯ ก็ถูกเขาโกงอีก รถกระบะเก่าๆที่มีอยู่คันเดียวก็มาถูกยึดไปไม่เหลือหรอ...ลำบากอย่างเเสนสาหัส นังหนูก็ไม่เคยบ่นให้ทางบ้านฟังเลยเเม้เเต่คำเดียว มิหนำซ้ำ ยังเก็บเงินส่งมาให้ทางบ้านซื้อปุ๋ยใส่นาข้าวอีก กลับมาบ้านเเต่ละครั้งซื้อของมาฝากกันครบทุกคน โดยที่ไม่เคยบ่นอะไรเรื่องงานให้ฟังเลยเเม้เเต่ครั้งเดียว จะมารู้ก็ต่อเมื่อมีเรื่องมีราวขึ้นโรงขึ้นศาลเกี่ยวกับเรื่องเพลงที่ขาดทุนย่อยยับในครั้งนั้น เเล้วก็ไปร้องเพลงอยู่เเถวๆนวนคร กับ อ.สวัสดิ สารคาม โดยใช้ชื่อนักร้องว่า หญิงลี ศรีจุมพล จนกระทั่งมาเห็นออกทีวีในวันนี้ ถึงรู้นังหนูมันก็อยู่ดีมีสุขเเล้ว
" นังหนูเอ้ยยย คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองเถอะ...เอ็งเหนื่อยมามากเเล้ว........"
ลุงเลื่อนบ่นพึมพัมเบาๆพร้อมกับปาดหยาดน้ำใสๆที่กำลังจะไหลออกจากตา เดินขากะเผลกๆเพื่อหาเก็บของเก่าเอามาขายต่อไป ด้วยหัวใจที่เวทนาสงสารลูกสาวคนนี้อย่างจับใจเหลือเกิน.......
...........................................................
นางอาย...
วันที่: Sat Nov 16 01:56:45 ICT 2024
|
|
|